ขอให้เพลิดเพลินกับนานาสาระนะค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมค่ะ

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย

 

การปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย

Education Reform in Thailand

 

อัญญรัตน์ นาเมือง  ศษ.ม. ( Anyarat  Namuang,M.Ed. )

 

ความนำ

 

          ขณะนี้ในบ้านเมืองของเรา   มีการพูดถึงเรื่องการปฏิรูประบบต่างๆ   กันอย่างกว้างขวาง ในส่วนวงการการศึกษาคงหนีไม่พ้น  เรื่องการปฏิรูปการศึกษา ทั้งนี้เพราะคนในสังคมเริ่มตระหนักถึงปัญหาด้านคุณภาพการศึกษา  และพยายามหาแนวทางแก้ไข  ปรับปรุงให้การศึกษามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

 

            อันที่จริงแล้วประเทศไทยมีการปฏิรูปการศึกษามาแล้วถึง 3 ครั้ง  โดยเริ่มตั้งแต่  สมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5  ได้ทรงปฏิรูปการศึกษา โดยมุ่งสร้างความทันสมัยและธำรงความเป็นเอกราชของชาติ  ส่วน ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2520 หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516  อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม  การปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นการมุ่งสร้างการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม และในครั้งที่  3  เมื่อ  พ.ศ. 2542  มีการตราพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พุทธศักราช 2542  และที่แก้ไขเพิ่มเติม  (ฉบับที่ 2)  2545  เป็นการมุ่งสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้  ในกระแสโลกาภิวัตน์   ควบคู่ไปกับการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  และสำหรับในครั้งนี้นับว่าเป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่  4 ในปีพ.ศ. 2552 โดยมุ่งเน้น  การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา การเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้  ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อให้คนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิต  ทั้งในระบบ  นอกระบบและตามอัธยาศัย อย่างมีคุณภาพ   และเท่าเทียมกัน   ในทุกระดับ/ประเภทการศึกษา

สรุปความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

 

        คอมพิวเตอร์  หมายถึง  อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อช่วยมนุษย์ทำงานที่มีปริมาณมาก   หรืองานที่มีความซับซ้อน  ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว  และให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ

 

          คุณลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ ทำงานได้โดยอัตโนมัติตามคำสั่งของมนุษย์  ทำงานได้อย่างรวดเร็ว จำข้อมูลได้มากและมีความถูกต้อง แม่นยำ น่าเชื่อถือ  คอมพิวเตอร์มีต้นกำเนิดมาจาก ลูกคิด  ซึ่งเป็นเครื่องคำนวณชิ้นแรกโดยชาวจีน และมีวิวัฒนาการต่อเนื่องมายาวนานสามารถแบ่งตามวิวัฒนาการของอุปกรณ์ที่ใช้ประมวลผล

 

ยุคของคอมพิวเตอร์  มี่   5  ยุค  ได้แก่

 

              ยุคที่   1  เป็นยุคที่ใช้หลอดสุญญากาศเป็นอุปกรณ์ประมวลผล   เครื่องมีขนาดใหญ่มาก ร้อนเร็ว   เปลืองกระแสไฟฟ้า  

 

              ยุคที่   2  เป็นยุคที่ใช้ทรานซิสเตอร์  ในการประมวลผล   ขนาดเล็กลง  ไม่เปลืองกระแสไฟฟ้า  มีความร้อนน้อย  ราคาถูก 

 

          ยุคที่   3   เครื่องมีขนาดเล็กลง   มีความเร็วเพิ่มขึ้น ใช้พลังงานความร้อนน้อยทำให้ประหยัด  ใช้แผงวงจรรวม  (Integrated Circuit; IC)  เป็นอุปกรณ์ทำงาน

 

            ยุคที่  4  มีการใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ ใช้ไมโครโปรเซสเซอร์   (Microprocessor)  เป็นอุปกรณ์ทำงาน 

 

          ยุคที่ 5   คือ  ยุคปัจจุบัน  เน้นการพัฒนาแนวความคิด มากกว่าอุปกรณ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่่งได้แก่   แนวความคิดในรูปของปัญญาประดิษฐ์  ระบบผู้เชี่ยวชาญ  และระบบเครือข่าย  แนวโน้มการพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีขนาดเล็กลง แต่ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น  ราคาถูกลง  การทำงานเป็นระบบเครือข่ายมากขึ้น

 

          ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาท  ในการทำงานของมนุษย์เกือบทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน  แนวโน้มอนาคตของเครื่องคอมพิวเตอร์จะ  มีความฉลาดและลักษณะการทำงานใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น